ค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพอื่นๆ

Google
 

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆให้ได้นะคะ

อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

Monday, January 12, 2009

มะเร็งปากมดลูก (Cervix Cancer)

เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี และในประเทศไทย เป็นสาเหตุของการตายเป็นอันดับหนึ่ง ของมะเร็งทั้งหมดในตรี

มีสาเหตุมาจากอะไร
สาเหตุของมะเร็งทุกชนิดยังไม่ทราบแน่นอน แต่พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่มีความสัมพันธ์ถึงมะเร็งปากมดลูก เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่ อายุยังน้อย, มีบุตรมาก, มีประวัติ เป็นกามโรค เป็นต้น

พบบ่อยในช่วงอายุเท่าใด
พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอายุระหว่าง 41-50 ปี, รองลงมาในช่วงอายุ 31-40 ปี

มีอาการอย่างไร
ในระยะเริ่มแรก ผู้ป่ายอาจไม่มีอาการอะไร ต่อมาอาจมีตกขาวผิดปกติคล้ายปากมดลูกอักเสบ เมื่อโรคลุกลามขึ้นอาจมีอาการเลือดออกผิดปกติ เช่น มีเลือดออกกะปริดกะปรอย, ตกเลือด หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

ป้องกันได้หรือไม่
ป้องกันได้โดยการตรวจมะเร็งปากมดลูกกับสูตินรีแพทย์ เป็นประจำ ปีละครั้ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีอาการผิดปกติอะไร เพื่อการตรวจหามะเร็ง ปากมดลูกในระยะก่อนลุกลาม ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยง่าย

มีวิธีรักษาอย่างไร ในระยะลุกลาม
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการอะไร การรักษาสามารถทำได้ง่ายโดยการจี้ด้วยความเย็น, ตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวย ซึ่งปัจจุบัน สามารถรักษาได้ แบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องดมยาสลบหรือนอนพักในโรงพยาบาล




ในระยะลุกลาม
ระยะต้นสามารถผ่าตัดได้ ส่วนในระยะ ท้าย ๆ ต้องรักษาด้วยรังสีรักษา

วิธีการรักษาที่ดีทีสุด แพทย์เลือกวิธีไหน ทำไมจึงเลือกดวิธีนี้
โอกาสจะประสบผลสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด
มีโอกาสเสี่ยงอะไรบ้าง ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
ใช้เวลารักษานานเท่าใด
ใช้ค่าใช้จ่ายแค่ไหน
ถ้าไม่รักษาจะเป็นเช่นใด
จะมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติหรือไม่
ต้องตรวจซ้ำบ่อยแค่ไหน
วิธีการรักษา
การผ่าตัด ถ้ามะเร็งอยู่เฉพาะปากมดลูกอาจจะตัดแค่บริเวณปากมดลูก แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายมากแพทย์
อาจจะตัดมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
การให้รังสีรักษาทำได้ 2 วิธี
โดยการให้รังสีรักษาจากเครื่องแพทย์จะให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง 5วัน/สัปดาห์เป็นเวลา 5-6 สัปดาห์
โดยการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูกฝังแต่ละครั้งนาน 1-3 วันต้องอยู่โรงพยาบาลใช้เวลารักษา 1-2 สัปดาห์
การให้เคมีบำบัด โดยการให้เคมีเข้าในเลือดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำลายมะเร็ง ยาที่ใช้บ่อยคือ interferon

ผลข้างเคียงของการรักษา
การผ่าตัด หลังการผ่าตัดมักจะมีอาการปวด เลือดออก
ถ้าต้องตัดมดลูกผู้ป่วยอาจจะปัสสาวะและอุจาระลำบากต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ระยะหนึ่ง
ผู้ป่วยควรพักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลหาย จะมีเพศสัมพันธ์หลังผ่า 4-8 สัปดาห์
ผู้ป่วยที่ตัดมดลูกยังคงมีอารมณ์ทางเพศปกติแต่อาจมีปัญหาทางจิตใจกังวลว่าไม่สามารถมีบุตร
ได้คู่ครองควรที่จะช่วยกันปลอบใจและให้กำลังใจ

การให้รังสีรักษา ระหว่างการให้รังสีรักษาผู้ป่วยจะเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง ผิวบริเวณที่สัมผัส
รังสีจะมีสีน้ำตาล ห้ามทาโลชั่น อาการต่างๆจะหายไปหลังหยุดการรักษา
การร่วมเพศอาจจะลำบากเนื่องจากช่องคลอดจะแคบและแห้งต้องใช้ครีมหล่อลื่นช่วย
นอกจากนี้อาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะและถ่ายเหลว

การให้เคมีบำบัด จะฆ่าเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว
ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกร็ดเลือดต่ำทำให้เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่าย และเลือดออกง่าย ผมร่วง
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เป็นหมัน

การสร้างภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงมีไม่มาก มีอาการคล้ายไข้หวัด ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง

การป้องกัน
สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดแต่พบว่ามีหลายปัจจัยเป็นความเสี่ยง

การมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 18 ปีและการมีสำส่อนทางเพศ เชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัส human papillomaviruses
การสูบบุหรี่
การได้รับยาคุมกำเนิด diethylstilbestrol ระหว่างตั้งครรภ์
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ารได้รับวิตามิน A ป้องกันมะเร็งได้แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม


ข้อมูล
อนามัยยุคไฮเทค. "มะเร็งปากมดลูก." บริการทองสมัครงาน, 4(172) :หน้า 24; 14-20 ตุลาคม 2541
http://www.thailabonline.com/